ชื่อ – นามสกุล นายพีระภัทร เอื้อจิตรเมต ชื่อเล่น เบ็นซ์
อายุ 28ปี เบอร์โทรศัพท์ 0863521295 ไอดีไลน์ 0863521295
ประสบการณ์ในการทำงาน
-เคยทำงานบริการในร้านอาหารในตำแหน่งพนักงาน เสริฟ เดินอาหาร บาร์เทนเดอร์ รีเซฟชั่น ร้านกาแฟ เป็นเวลา 4ปีของร้านอาหารบ้านลุงใหญ่
- เคยทำงานฝ่ายบริหาร ฝ่ายบุคคล ฝ่ายจัดซื้อ จัดจ้างของร้านอาหารบาอิค บาอิคดอนเมือง เป็นเวลา 2ปี
-เคยทำงานในตำแหน่งพนักงานขายเสื้อผ้าแบรนด์เนม บริษัทยัสปาล เป็นเวลา 1ปี
ปัจจุบันได้เข้าร่วมงานกับบริษัท เรียลตี้วัน เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด ในตำแหน่ง Sale Manager โซน ดอนเมือง แจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด ปทุมธานี (บริษัทเรียลตี้วัน เอสเตท ประเทศไทย จำกัด) เป็นเวลา 3ปี
ความสามารถพิเศษ
-พิมพ์ดีด ไทย/อังกฤษ 30คำต่อนาที Microsoft Word
-ออกแบบสื่อกราฟฟิก ป้ายโฆษณา Adobe Photoshop
รางวัลในการทำงาน
ได้รับถ้วยรางวัล top commission อันดับ 2 ประจำปี 2557 ของบริษัทเรียลตี้วัน เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด
งานอดิเรกเวลาว่าง
-อ่านหนังสือ และเขียนบทความ
-ออกกำลังกาย
-เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง
อุดมคติในการทำงาน
ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ ตรงไปตรงมา บริการด้วยใจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดในการทำงาน
คติพจน์ประจำใจ
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ นอกจากไม่ได้ทำ หรือหยุดทำ
คำแนะนำดีๆ ในการขายบ้านที่คุณควรรู้
การขายบ้านเป็นเรื่องที่สำคัญมากหากคุณต้องการจะขายบ้านได้ไว้ และได้ราคาไม่ควรละเลย 6 ปัจจัยต่อไปนี้นะครับ :)
1.ความเหมาะสมในการตั้งราคาขาย
การตั้งราคาขายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผู้ขายส่วนใหญ่อยากขายได้ราคาดี แต่ต้องไม่ใช่ราคาที่สูงเกินไป
เช่น บ้านในระแวกเดียวกันทำเลใกล้กัน พื้นที่เท่ากันส่วนใหญ่ขายอยู่ 2ล้าน แต่คุณกับขาย 4ล้าน
ซึ่งไม่สามารถขายได้อย่างแน่นอน (นอกจากผู้ซื้อ และผู้ขายจะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว) ดังนั้นเราจึง
จำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลต่อไปนี้ เพื่อตั้งราคาขายได้อย่างเหมาะสม
-ดูราคาตลาด ราคาขายของบ้านในลักษณะใกล้เคียงกับบ้านเรา ทำเลใกล้บ้านเราว่าส่วนใหญ่เขาขายกันเท่าไหร่
-เปรียบเทียบสภาพบ้านใกล้เคียง ประเมินดูว่าบ้านที่เขาขาย กับบ้านของเราว่ามีข้อดี หรือจุดเด่น จุดด้อยอะไร เช่น บ้านเราดีกว่า
ตรงที่อยู่ติดถนนเมนในหมู่บ้าน หรือบ้านเราอยู่ด้านหน้าหมู่บ้านเดินทางสะดวกกว่าเป็นต้น
-ลองสำรวจดูว่าผู้ที่จะซื้อมีกำลังซื้อบ้านในระแวกบ้านที่เราขายมากน้อยแค่ไหน และพื้นที่ในระแวกบ้านเรามีคนต้องการมากเท่าใด
-เช็คราคาประเมิน ณ สำนักงานที่ดิน และราคาแรกเริ่มที่เราซื้อบ้านมาเพื่อนำมาประกอบในการตั้งราคาขาย
-ผู้ขายส่วนมากที่ตกแต่งบ้านไปเช่น ติดวอล์เปเปอร์ ปูพื้นใหม่ หรือติดเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินราคาแพงฯ โดยที่ตั้งใจว่าจะไม่ขาย
ในตอนแรกที่ซื้อ คือลงทุนตกแต่งไปเยอะ เวลาต้องขายจะ+รวมค่าตกแต่งทุกอย่างไปด้วย นั้นทำให้ไม่ได้ราคาขายที่เหมาะสม เพราะ
ผู้ที่จะซื้อหลายๆท่านอาจจะไม่ชอบ หรือไม่ถูกใจกับสิ่งที่คุณได้ตกแต่ง ต่อเติมลงไปก็ได้ จะทำให้โอกาสในการขายของคุณน้อยลง
-ควรเช็คค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการโอนกรรมสิทธิ์ ณ สำนักงานที่ดิน และเช็คค่าปรับแบงค์ หากคุณขายบ้านก่อน 3ปี
2.จัดเตรียมความพร้อมของบ้านเพื่อขาย
ก่อนที่คุณจะเริ่มขายบ้านควรทำความสะอาดบ้าน จัดระเบียบ
สิ่งของต่าง ๆ ให้เข้าที่ ซ่อมแซมส่วนที่เสียเล็ก ๆ น้อย ๆ
และหากสีภายนอก และภายในเก่า ควรทาสีใหม่แบบถ้าซื้อก็
พร้อมอยู่ได้เลยเพื่อเตรียมไว้สำหรับให้ลูกค้าเข้าชมบ้านของคุณ
เพราะถ้าคุณไม่เก็บข้าวของ ไม่ทำความสะอาด ไม่ดูแลซ่อมแซม
เวลาผู้ซื้อมาดูบ้านของคุณ เมื่อเขาเห็นสภาพบ้านของคุณ
ที่ข้าวของ เครื่องใช้ต่าง ๆ ดูรกหูรกตา ภายในบ้านก็มีกลิ่น
ตรงนี้ก็พัง ตรงนั้นก็พุนั่นจะทำให้ผู้ซื้อมีความรู้สึกในแง่หลบ
ต่อบ้านของคุณเป็นแน่ เพราะโดยปกคิแล้วสมองคนเราจะมีสัดส่วน
ของอารมณ์มาก่อนเหตุผล คุณลองเปรียบเทียบดูได้จากบ้านมือ1
ทางโครงการต่าง ๆ เขาจะมีบ้านตัวอย่างสวย ๆ ให้ลูกค้าเข้าชม
บ้านตัวอย่างของโครงการได้ตกแต่ง ต่อเติม ทำความสะอาด
จัดข้าวของให้ดูสบายตา น่าอยู่ น่าซื้อ ถ้าคุณต้องการจะขายบ้านให้
ได้ราคาดี นี่เป็นอีกข้อที่คุณห้ามละเลยเด็ดขาด
3.ทำโฆษณา ติดป้ายโปรโมทการขายบ้าน (ไม่ควรละเลยเด็ดขาด)
-ลงโฆษณาประกาศขายบ้านบนเว็บไซร์ หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ
-ติดป้ายขายหน้าบ้าน หรือติดบริเวณบ้านที่คุณต้องการขาย
-ลงโษณาขายบ้านของคุณบนหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารต่าง ๆ
-บอกการขายบ้านของคุณให้ทุกคนทราบ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติพี่น้อง คนรู้จัก เพราะพวกเขาเหล่านี้
อาจจะรู้จักกับคนที่ต้องการจะซื้อบ้านในทำเลบ้านที่คุณต้องการจะขายก็เป็นได้ เพื่อสร้างโอกาสในการขายของคุณ
ให้มากขึ้นจะช่วยทำให้ขายบ้านได้เร็วขึ้น
3.เตรียมพร้อมตัวของคุณเองเพื่อการขาย
-ทำจิตใจให้ร่าเริง แจ่มใส พูดจาไพเราะ สุภาพในทุกครั้งที่รับโทรศัพท์ หรือมีคนมาติดต่อสอบถามเรื่องบ้าน
เพราะมีอาจมีผู้ซื้อหลายท่านที่สนใจบ้านของคุณจริง ๆ และจะสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบ้านของคุณค่อยข้างเยอะ
คุณอาจจะเริ่มหงุดหงิด หรือรำคาญ ดังนั้นก่อนจะคุยกับผู้ที่สนใจจะซื้อคุณต้องควบคุมอารมณ์ และคำพูดไว้ด้วย
-ให้การบริการผู้ซื้อบ้างหากผู้ซื้อจะเข้ามาดูบ้าน อย่างเช่น รอรับหน้าบ้าน เอาน้ำดื่มเย็น ๆ ให้ทาน แสดงออก
ถึงความเป็นมิตร จะทำให้ผู้จะซื้อมีทัศนคติที่ดีต่อคุณ
-มีเวลาให้กับการขายบ้านบ้างเพราะบางทีคุณอาจจะติดธุระ หรือไม่สะดวกรับโทรศัพท์ ไม่ว่างเปิดบ้านให้ดู
คุณก็ควรติดตามผู้ซื้อโดยการนัดวันดูบ้านใหม่ที่สะดวกกันทั้งสองฝ่าย หรือเมื่อผู้ซื้อเข้าดูบ้านแล้วเงียบไป
คุณก็ลองโทรถามคอนเม้นท์จากผู้ซื้อบ้างว่าชอบไหม หรือชอบแล้วยังติดเรื่องอะไรนี่คือเหตุผลนึงที่จะทำให้
ผู้ซื้อรู้สึกได้ว่าคุณเอาใจใส่ ให้คุณค่าแกเขา และต้องการจะขายจริง ๆ
-คุณต้องไม่ขายตามอารมณ์ เช่น ตอนที่คุณจะขายบ้านได้ตั้งราคาบ้านไว้ที่ 2ล้าน แต่พอเริ่มมีผู้ที่สนใจเข้ามา
เยอะมากขึ้น คุณกลับปรับราคาสูงขึ้นเป็น 2.5ล้าน หรือผู้ซื้อที่เคยมาดูบ้านของคุณอาจจะกำลังตัดสินใจจะซื้ออยู่
เคยต่อรองราคากับคุณไว้ในราคาที่โอเครกันทั้งสองฝ่ายแล้ว ต่อมาเมื่อผู้ซื้อต้องการจะซื้อ แต่คุณกลับไม่ให้
ราคาตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก เพราะเห็นว่ามีคนต้องการบ้านของคุณเยอะ และเพิ่มขึ้น ข้อนี้ไม่เป็นผลดี
ต่อการขายบ้านของคุณแน่ ๆ
5.เช็คค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการโอนกรรมสิทธ์
ค่าใช้จ่ายที่คุณจะต้องชำระในวันโอนกรรมสิทธิ์ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมโอน2% ภาษีเงินได้อัตราก้าวหน้า
และ ค่าอากรณ์แสตมป์ 0.5% หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ในกรณีที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะนั้นคือคุณ
ถือครองกรรมสิทธิ์บ้านที่จะขายไม่ถึง 5ปี หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหลังที่จะขายไม่ถึง 1ปี คุณจะต้อง
เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแทนค่าอากรณ์แสตมป์ และหากบ้านที่คุณขายยังผ่อนชำระกับธนาคารอยู่ คุณอาจต้อง
เสียค่าปรับให้กับทางธนาคาร ในกรณีที่ปิดบัญชีก่อนครบกำหนดสัญญาจำนอง
(ค่าปรับของทางธนาคารขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่คุณได้ตกลงไว้ตอนที่ซื้อบ้าน)
6.ใช้บริการบริษัทรับฝากขายบ้าน หรือโบรกเกอร์/นายหน้า
การใช้บริการบริษัทนายหน้าก็เป็นทางเลือกที่สามารถช่วยให้คุณขายบ้านได้รวดเร็ว และง่ายขึ้น
เนื่องจากบริษัทนายหน้าจะมีฐานลูกค้าที่กำลังสนใจจะซื้อบ้านอยู่แล้ว และมีแผนการตลาดทั้งหมด
ที่ผมได้กล่าวไว้ไม่ว่าจะเป็น การโปรโมทขายบ้านในโซเชียล ทำป้ายขายบ้าน ทำโฆษณาในนิตยสาร
หนังสือพิมพ์ หรือออกงานอีเว้นท์ต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการขายบ้านให้กับคุณ ร่วมทั้งบริษัทนายหน้าจะดูแล
คุณในเรื่องเอกสารหนังสือสัญญาต่าง ๆ พาผู้ซื้อดูบ้าน รับโทรศัพท์ผู้ที่สนใจจะซื้อแทนคุณ รับภาระการ
ตอบคำถามต่าง ๆ ของผู้จะซื้อแทนคุณ ช่วยดำเนินการ และเช็คค่าใช้จ่ายในการขายโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณ
เรียกได้ว่าเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้คุณ และที่พิเศษสุดคือ บริษัทนายหน้าจะบริการผู้ซื้อในการขอสินเชื่อ
จากธนาคารให้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้บ้านของคุณมีโอกาสขายสูงมาก ส่วนค่าคอมมิชชั่นของบริษัทนายหน้า
ปกติขั้นต่ำจะอยู่ที่ 3% คุณจะจ่ายก็ต่อเมื่อบริษัทนายหน้าสามารถทำการขายบ้านให้คุณได้แล้ว แต่การที่
คุณจะใช้บริการบริษัทนายหน้าควรเช็คดูด้วยว่าบริษัทนายหน้าที่คุณจะใช้บริการมีความน่าเชื่อถือได้เท่าใด
เพราะปัจจุบันมีบริษัทนายหน้าเกิดขึ้นมาใหม่ค่อนข้างเยอะ มีทั้งที่จดทะเบียนบริษัทอยู่ในสมาคมนายหน้า
อสังหาริมทรัพย์ไทยถูกต้อง และแบบที่ไม่ใช่บริษํท คือบุคคลธรรมดาที่มีความรู้ทางด้านนี้ หรือที่เรียกกันว่า
นายหน้าอิสระ/นายหน้าท้องถิ่น ดังนั้นก่อนที่คุณจะใช้บริการก็ควรศึกษาข้อมูลของบริษัทนายหน้านั้น ๆ ก่อน
ไม่เช่นนั้นอาจต้องพบปัญหาฯ ต่าง ๆ ตามมาภายหลังได้
<<<เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เพื่อดึงดูดความสนใจผู้ซื้อ>>> บางท่านอาจจะใส่โปรโมชั่น
เพื่อเพิ่มความน่าใสใจมากขึน เช่น ฟรีค่าโอน โอนน้ำ ไฟฟรี ขายบ้านพร้อมเฟอร์ฯ
***สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่าถ้าคุณได้อ่านข้อมูลทั้งหมดนี้ และลองนำมาใช้ในการขายบ้าน
คุณต้องขายบ้านได้ราคาดี และขายได้ไวแน่นอนครับ :)